วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

การเข้ารหัสและการถอดรหัส

Encrypt
Plaintext Erq
HEX 4 43 42
binary 0100 01000011 01000010
Dec 17 3 16 2
Table R D Q C

Plaintext Dkp
HEX 44 36 41
binary 01000100 00110110 01000001
Dec 17 3 25 1
Table R D Z B

Plaintext BOY
HEX 42 4F 59
binary 01000010 01001111 01011001
Dec 16 40 61 25
Table Q o 9 Z

Plaintext Ple
HEX 50 37 30
binary 01010000 00110111 00110000
Dec 20 3 28 48
Table U D c w

Decrypy
ciphertext Uyew
Dec 20 50 30 48
binary 010100 110010 011110 110000
HEX 53 27 B0

ciphertext Xb2z
Dec 23 27 54 51
binary 010111 011011 110110 110011
HEX 5D BD B3

ciphertext dTR4
Dec 29 19 17 56
binary 011100 010011 010001 111000
HEX 71 34 78

ciphertext SIRI
Dec 18 8 17 8
binary 010010 001000 010001 001000
HEX 48 84 48

บทที่ 15 ระบบปฏิบัติการ Windows 2000

บทที่ 15 ระบบปฏิบัติการ Windows 2000
Windows 2000 เป็นเวอร์ชันล่าสุด ของการปรับปรุงระบบปฏิบัติการ Windows ผู้ใช้ Windows98 และ Windows NT อยู่ในช่วงที่ต้องย้ายไปสู่ Windows 2000 ชื่อเดิมเรียกว่า Windows NT5.0 ซึ่ง Windows 2000 เป็นการใช้เทคโนโลยีของ NT ซึ่ง Windows 2000 ได้รับการออกแบบสำหรับงานด้านวิชาชีพและธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงตลาดธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระดับเทคนิคที่สูงด้วยเทคโนโลยีของ NT การใช้ Windows 2000จำเป็นต้องเลือกตามลักษณะการใช้งานสายผลิตภัณฑ์ของ Windows 2000 ประกอบด้วยWindows 2000 Professional: จุดมุ่งหมายสำหรับงานส่วนบุคคลและธุรกิจทุกขนาด รวมถึงระบบความปลอดภัยและการใช้งานแบบเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ประหยัดมากที่สุด Windows2000 Server: จุดมุ่งหมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งสามารถทำเป็น web server หรือ work group server และสนับสนุนการงานกับ SMP (two-way Symmetric Multiprocessing) Windows NT4.0 สามารถอัพเกรดเป็น Windows 2000 Server Windows 2000 Advance Server: จุดมุ่งหมายสำหรับระบบปฏิบัติการของ Server แบบเครือข่ายและ/หรือเป็น server ของโปรแกรมประยุกต์ ซึ่งรวมถึงระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในระบบนี้มีการอำนวยความสะดวกด้วยระบบ clustering and load balancing ซึ่ง Windows NT 4.0 ที่มีระบบ 8-way SMP สามารถอัพเกรดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้ Windows 2000 Data center Server: ได้รับการออกแบบสำหรับระบบ data ware house ขนาดใหญ่ การประมวลผลแบบ On-line Transaction (OLTP) การวิเคราะห์ทางเศรษฐมิติและโปรแกรมประยุกต์อื่น ที่ต้องใช้การประมวลผลด้วยความเร็วสูง และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น Data Center Server สนับสนุน 16-way SMP และใช้หน่วยความจำได้กับ 64 GB รายงานเบื้องต้นระบุว่า Windows 2000 มีเสถียรภาพสูงกว่า Windows 98 และ NT ส่วนประกอบใหม่ที่สำคัญคือ Microsoft Active Directory เมื่อรวมกับส่วนประกอบอื่นแล้ว ทำให้หน่วยธุรกิจสามารถจัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ Virtual Private Network เพื่อ encrypt ข้อมูลสำหรับ NT หรือบนเครือข่าย และเพื่อให้การใช้ไฟล์ร่วมกันจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่ายการอัพเกรดจาก Windows98 หรือ NT มีความลำบากแต่เหมาะสำหรับการใช้ที่ต้องการความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้น

คำถาม
1.ระบบปฏิบัติการของ Microsoft สำหรับเครื่องเดสก์ทอปและแลปทอปสามารถแบ่งเป็น 3 ตระกูลคือ
2.IBM เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ปี ค.ศใด
3.Windows 95 วางจำหน่ายในปีใด
4.ในปีค.ศใด Microsoft และ IBM ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการ OS/2
5.การพัฒนา NT ตอนเริ่มต้น มุ่งเน้นเพื่อใช้ในลักษณะใด
6.Windows 2000 เป็นระบบปฏิบัติการแบบใด
7. Windows 2000 มี 4 เวอร์ชั่นให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมได้แก่
8.เป้าหมายการออกแบบ Windows 2000 ที่ Microsoft ต้องการมี 6 ประการคือ
9. Windows 2000 ใช้ไดรเวอร์ที่โหลดในระบบคือ
คำตอบ
1.MS-DOS,Windows,Windows NT
2.ปีค.ศ 1981
3.ปี 1995
4.1985
6.Portable
7.แบบมัลติยูเซอร์( Multiuser)
8.Professional, Server, Advanced Server, datacenter Server
9.ความสามารถในการขยายระบบ สามารถเคลื่อนย้ายได้ เชื่อถือได้ คอมแพติเบิล

ประสิทธิภาพ การสนับสนุนหลายภาษา
10.ระบบอินพุต/เอาต์พุต

บทที่ 14 ระบบปฏิบัติการ UNIX & Linux

บทที่ 14 ระบบปฏิบัติการ UNIX & Linux
ระบบปฏิบัติการ Unix
Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้บนเครื่อง SUN ของบริษัท SUN Microsystems แต่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับบริษัท Microsoft ในเรื่องของระบบปฏิบัติการบนเครื่อง PC แต๋อย่างใด แต่Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช็เทคโนโลยีแบบเปิด (Open system) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้อง ผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรืออุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกัน นอกจากนี้ Unix ยังถูกออกแบบมาเพื่อ ตอบสนองการใช้งานในลักษณะให้มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกัน เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้(Multiuser system) และสามารถทํางานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ในลักษณะที่เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (Multitasking system)
ระบบปฏิบัติการ Linux
เรามารู้จัก linux กันดีกว่า linux คือระบบปฎิบัติการที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่ม programer ต่างๆทางอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ และวิธีการใช้งานต่างๆเป็นแบบเปิดเผย Source Code และความสามารถของ linux นั้นมีมากมาย ไม่แพ้ระบบปฎิบัติการอื่นๆ ซึ่งระบบการทำงานมีเสถียรภาพที่ดี สามารถรองรับการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์อื่นๆได้อีกมากมาย ซึ่ง linux สามารถทำงานได้ ตั้งแต่เครื่องรุ่น 386 ขึ้นไปเหมาะกับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้ และระะบบปฎิบัติการlinux นั้นสมัยแรกๆการทำงานนั้นยังมี bug อยู่บ้าง แต่ก็ได้แก้ไข และพัฒนาระบบให้ดีขึ้นจนถึงปัจจุบันสามารถนำมาใช้งานได้ดี linux สามารถทำ เป็น Web Server , Mail Server , DNS Server , Proxy Server , FTPServer , DHCP Server (bootp) , Ipfwadm , Router , Samba เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนในการลงก็ไม่ยากแถมลงเสร็จแล้วสามารถนำใช้งานได้เลย โดยถ้าเราต้องการจะให้ทำงานมากกว่าเดิม เราก็สามารถแก้ไข Source Code แต่ละตัวที่เราต้องการแก้ไข หรือ ลงโปรแกรมเพิ่มเติม และสามารถหา download จาก อินเตอร์เนตมาใช้งานฟรีได้อีกซึ่งขึ้นอยู่กับ การเรียนรู้และทดลอง ของแต่ละคนว่าต้องจะทำอะไรบ้างซึ่งถ้าใครต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของ linux


คำถาม
1.Linux ได้รับการพัฒนาเริ่มต้นในปีใด
2.Linux ได้รับการพัฒนาโดยใคร
3.Linux system คือ
4.Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ได้ฟรีเนื่องจาก
5.Linux เป็นระบบปฏิบัติการแบบใด
6.ภาพรวมการออกแบบ Linux คล้ายกับ Unix ดั้งเดิมที่เป็นแบบ
7.Linux ใช้ระบบใด
8.Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ประโยชน์หน่วยความจำที่น้อยกว่าเท่าไหร่ได้เป็นอย่างดี
9.Linux system ประกอบด้วยโค้ด 3 ส่วนที่แสดงถึง Unix ดังเดิมคือ
10.โมดูลที่สนับสนุนอยู่ใน Linux มี 3 คอมโพเนนต์คือ
คำตอบ
1.ปี ค.ศ 1991
2.โดยนักเรียนชาวฟินแลนด์ชื่อ Linus Torvalds
3.เป็นพื้นฐานสภาวะแวดล้อมสำหรับแอปพลิเคชันและการเขียนโปรแกรมของผู้ใช้
4.เนื่องจาก linux เป็น Free software ทำให้คุณสามารถก็อปปี้ไปติดตั้งเพื่อใช้งานได้
5.เป็นระบบปฏิบัติการณ์แบบเปิด
6.Nonmicrokernel
7.ระบบมัลติยูเซอร์ มัลติแทสกิ้งที่เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือที่คอมแพติเบิลกับ Unix
8.น้อยกว่า 4 เมกะไบต์
9.-Kernel
-ไลบรารีระบบ
-ยูทิลิตี้ระบบ
10. Module management ,Driver registration,Conflict-resolution mechanism

บทที่ 13 การรักษาความปลอดภัย

บทที่ 13 การรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลไกการป้องกันข้อมูลต่างๆที่จัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ได้รับความเสียหายถูกอ่านหรือแก้ไข โดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต การป้องกันข้อมูลหายจากเหตุสุดวิสัยนั้นกระทำได้ง่ายกว่าการป้องกัน ข้อมูลจากผู้ประสงค์ร้าย ซึ่งผู้ประสงค์ร้ายหรือผู้บุกรุกเข้ามาในระบบนั้นอาจจะเป็น พนักงานในบริษัท นักศึกษา โปรแกรมเมอร์ เป็นต้นวิธีการหนึ่งที่ใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้ระบบคือ การรับรองผู้ใช้ จะเป็นการพิสูจน์ว่าผู้ใช้ระบบในขณะนั้นคือใครซึ่งมีวิธีต่างๆของการรับรองผู้ใช้ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปคือ
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้รหัสผ่าน
-การรับรองผู้ใช้โดยการตอบคำถาม
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้อุปกรณ์
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้คุณสมบัติทางชีวภาพของผู้ใช้
การใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันเป็นเน็ตเวิร์คและมีการส่งข้อความไปในช่องทางของเน็ตเวิร์คนั้น จำเป็นที่จะต้องมีกลไกในการป้องกันข้ลมูลในระหว่างที่ทำการส่งเพื่อให้ปลอดภัยจากการลอบดักฟังข้อมูลหรือขัดขวางการส่งข้อมูล วิธีการที่ใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยก็คือการเข้ารหัสข้อมูล โดยข้อมูลจะถูกการเข้ารหัสเพื่อให้อ่านไม่อ่านไม่ออก และข้อมูลนั้นจะถูกถอดรหัสเพื่อให้อ่านออกก็ต่อเมื่อผู้ใช้ทราบคีย์ข้อมูลของการถอดรหัสข้อมูลนั้น
Windows NT เป็นตัวอย่างหนึ่งของระบบที่มีลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพระบบหนึ่งผู้ดูแลรักษาระบบ สามารถจะเปลี่ยนแปลงระดับของการรักษาความปลอดภัยได้


คำถาม
1.การรักษาความปลอดภัยมีความหมายตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า
2.การรักษาความปลอดภัยหมายถึงอะไร
3.การรักษาความปลอดภัยมีความหมายที่สำคัญอยู่ 3 ด้านคืออะไรบ้าง
4.กระบวนการสำคัญของระบบปฏิบัติการในการรักษาความปลอดภัยให้ระบบโดยจะมีหน้าที่ในการพิสูจน์ว่าผู้ที่กำลังใช้ระบบนี้คือใครกระบวนการณ์นี้เรียกว่า
5.ส่วนใหญ่แล้วระบบปฏิบัติการจะทำเพื่อพิสูจน์ผู้ใช้ใน 3 เรื่องคือ
6.แฮกเกอร์คือ
7.การรับรองผู้ใช้ระบบที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปอย่างกว้างขว้างคือ
8.ปัญหาหนึ่งของการใช้รหัสผ่านคือ
9.วิธีของการสร้างรหัสผ่านคือ
10.บัตรพลาสติคที่ใช้เก็บข้อมูลจะมีอยู่ 2 แบบคือ
11.บัตรที่ใช้ชิปจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
12.ปัจจุบันนี้การรักษาความปลอดภัยจะเน้นไปที่การใช้บัตรใด
13.ม้าโทรจันคือ
14.หนอนคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยโปรแกรม 2 ส่วนคือ
15.ประเภทของไวรัสจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆได้ดังนี้คือ


คำตอบ
1.Security
2.การอ้างถึงปัญหาทั้งหมด
3.-การสร้างความเสียหาย
-ลักษณะของผู้ประสงค์ร้าย
-ข้อมูลสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย
4.การรับรองผู้ใช้
5.-บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใช้ระบบทราบ
-บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใช้มี เช่น กุญแจ บัตรผ่าน
-บางสิ่งบางอย่างที่เป็นคุณสมบัติของผู้ใช้ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา
6.ใครก็ตามที่สร้างความเสียหายให้กับระบบบุคคลสามารถที่จะผ่านเข้าสู่ขั้นตอนของการรับรองผู้ใช้
7.การที่ให้ผู้ใช้ใส่ชื่อและรหัสผ่าน
8.การเก็บรักษารหัสผ่านให้เป็นความลับ
9.ใช้อัลกอริทึมสร้างรหัสผ่าน
10.บัตรแบบแม่เหล็กกับบัตรชิปการ์ด
11.บัตรบันทึกมูลค่าและบัตรอัจฉริยะ
12.บัตรอัจฉริยะ
13.จะเป็นลักษณะของโปรแกรมที่มีฟังค์ชั่นของการทำงานบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดคิด
14.โปรแกรมส่วนเกาะติดและโปรแกรมหลัก
15.-Parasitic virus
-Memory-resident virus
-Boot sector virus
-Stealth virus
-Polymorphic virus