วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

การเข้ารหัสและการถอดรหัส

Encrypt
Plaintext Erq
HEX 4 43 42
binary 0100 01000011 01000010
Dec 17 3 16 2
Table R D Q C

Plaintext Dkp
HEX 44 36 41
binary 01000100 00110110 01000001
Dec 17 3 25 1
Table R D Z B

Plaintext BOY
HEX 42 4F 59
binary 01000010 01001111 01011001
Dec 16 40 61 25
Table Q o 9 Z

Plaintext Ple
HEX 50 37 30
binary 01010000 00110111 00110000
Dec 20 3 28 48
Table U D c w

Decrypy
ciphertext Uyew
Dec 20 50 30 48
binary 010100 110010 011110 110000
HEX 53 27 B0

ciphertext Xb2z
Dec 23 27 54 51
binary 010111 011011 110110 110011
HEX 5D BD B3

ciphertext dTR4
Dec 29 19 17 56
binary 011100 010011 010001 111000
HEX 71 34 78

ciphertext SIRI
Dec 18 8 17 8
binary 010010 001000 010001 001000
HEX 48 84 48

บทที่ 15 ระบบปฏิบัติการ Windows 2000

บทที่ 15 ระบบปฏิบัติการ Windows 2000
Windows 2000 เป็นเวอร์ชันล่าสุด ของการปรับปรุงระบบปฏิบัติการ Windows ผู้ใช้ Windows98 และ Windows NT อยู่ในช่วงที่ต้องย้ายไปสู่ Windows 2000 ชื่อเดิมเรียกว่า Windows NT5.0 ซึ่ง Windows 2000 เป็นการใช้เทคโนโลยีของ NT ซึ่ง Windows 2000 ได้รับการออกแบบสำหรับงานด้านวิชาชีพและธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงตลาดธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระดับเทคนิคที่สูงด้วยเทคโนโลยีของ NT การใช้ Windows 2000จำเป็นต้องเลือกตามลักษณะการใช้งานสายผลิตภัณฑ์ของ Windows 2000 ประกอบด้วยWindows 2000 Professional: จุดมุ่งหมายสำหรับงานส่วนบุคคลและธุรกิจทุกขนาด รวมถึงระบบความปลอดภัยและการใช้งานแบบเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ประหยัดมากที่สุด Windows2000 Server: จุดมุ่งหมายสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งสามารถทำเป็น web server หรือ work group server และสนับสนุนการงานกับ SMP (two-way Symmetric Multiprocessing) Windows NT4.0 สามารถอัพเกรดเป็น Windows 2000 Server Windows 2000 Advance Server: จุดมุ่งหมายสำหรับระบบปฏิบัติการของ Server แบบเครือข่ายและ/หรือเป็น server ของโปรแกรมประยุกต์ ซึ่งรวมถึงระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในระบบนี้มีการอำนวยความสะดวกด้วยระบบ clustering and load balancing ซึ่ง Windows NT 4.0 ที่มีระบบ 8-way SMP สามารถอัพเกรดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้ Windows 2000 Data center Server: ได้รับการออกแบบสำหรับระบบ data ware house ขนาดใหญ่ การประมวลผลแบบ On-line Transaction (OLTP) การวิเคราะห์ทางเศรษฐมิติและโปรแกรมประยุกต์อื่น ที่ต้องใช้การประมวลผลด้วยความเร็วสูง และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น Data Center Server สนับสนุน 16-way SMP และใช้หน่วยความจำได้กับ 64 GB รายงานเบื้องต้นระบุว่า Windows 2000 มีเสถียรภาพสูงกว่า Windows 98 และ NT ส่วนประกอบใหม่ที่สำคัญคือ Microsoft Active Directory เมื่อรวมกับส่วนประกอบอื่นแล้ว ทำให้หน่วยธุรกิจสามารถจัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ Virtual Private Network เพื่อ encrypt ข้อมูลสำหรับ NT หรือบนเครือข่าย และเพื่อให้การใช้ไฟล์ร่วมกันจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่ายการอัพเกรดจาก Windows98 หรือ NT มีความลำบากแต่เหมาะสำหรับการใช้ที่ต้องการความสามารถใหม่ที่เพิ่มขึ้น

คำถาม
1.ระบบปฏิบัติการของ Microsoft สำหรับเครื่องเดสก์ทอปและแลปทอปสามารถแบ่งเป็น 3 ตระกูลคือ
2.IBM เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ปี ค.ศใด
3.Windows 95 วางจำหน่ายในปีใด
4.ในปีค.ศใด Microsoft และ IBM ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการ OS/2
5.การพัฒนา NT ตอนเริ่มต้น มุ่งเน้นเพื่อใช้ในลักษณะใด
6.Windows 2000 เป็นระบบปฏิบัติการแบบใด
7. Windows 2000 มี 4 เวอร์ชั่นให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมได้แก่
8.เป้าหมายการออกแบบ Windows 2000 ที่ Microsoft ต้องการมี 6 ประการคือ
9. Windows 2000 ใช้ไดรเวอร์ที่โหลดในระบบคือ
คำตอบ
1.MS-DOS,Windows,Windows NT
2.ปีค.ศ 1981
3.ปี 1995
4.1985
6.Portable
7.แบบมัลติยูเซอร์( Multiuser)
8.Professional, Server, Advanced Server, datacenter Server
9.ความสามารถในการขยายระบบ สามารถเคลื่อนย้ายได้ เชื่อถือได้ คอมแพติเบิล

ประสิทธิภาพ การสนับสนุนหลายภาษา
10.ระบบอินพุต/เอาต์พุต

บทที่ 14 ระบบปฏิบัติการ UNIX & Linux

บทที่ 14 ระบบปฏิบัติการ UNIX & Linux
ระบบปฏิบัติการ Unix
Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้บนเครื่อง SUN ของบริษัท SUN Microsystems แต่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับบริษัท Microsoft ในเรื่องของระบบปฏิบัติการบนเครื่อง PC แต๋อย่างใด แต่Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช็เทคโนโลยีแบบเปิด (Open system) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้อง ผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรืออุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกัน นอกจากนี้ Unix ยังถูกออกแบบมาเพื่อ ตอบสนองการใช้งานในลักษณะให้มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกัน เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้(Multiuser system) และสามารถทํางานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ในลักษณะที่เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (Multitasking system)
ระบบปฏิบัติการ Linux
เรามารู้จัก linux กันดีกว่า linux คือระบบปฎิบัติการที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่ม programer ต่างๆทางอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ และวิธีการใช้งานต่างๆเป็นแบบเปิดเผย Source Code และความสามารถของ linux นั้นมีมากมาย ไม่แพ้ระบบปฎิบัติการอื่นๆ ซึ่งระบบการทำงานมีเสถียรภาพที่ดี สามารถรองรับการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์อื่นๆได้อีกมากมาย ซึ่ง linux สามารถทำงานได้ ตั้งแต่เครื่องรุ่น 386 ขึ้นไปเหมาะกับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้ และระะบบปฎิบัติการlinux นั้นสมัยแรกๆการทำงานนั้นยังมี bug อยู่บ้าง แต่ก็ได้แก้ไข และพัฒนาระบบให้ดีขึ้นจนถึงปัจจุบันสามารถนำมาใช้งานได้ดี linux สามารถทำ เป็น Web Server , Mail Server , DNS Server , Proxy Server , FTPServer , DHCP Server (bootp) , Ipfwadm , Router , Samba เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนในการลงก็ไม่ยากแถมลงเสร็จแล้วสามารถนำใช้งานได้เลย โดยถ้าเราต้องการจะให้ทำงานมากกว่าเดิม เราก็สามารถแก้ไข Source Code แต่ละตัวที่เราต้องการแก้ไข หรือ ลงโปรแกรมเพิ่มเติม และสามารถหา download จาก อินเตอร์เนตมาใช้งานฟรีได้อีกซึ่งขึ้นอยู่กับ การเรียนรู้และทดลอง ของแต่ละคนว่าต้องจะทำอะไรบ้างซึ่งถ้าใครต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของ linux


คำถาม
1.Linux ได้รับการพัฒนาเริ่มต้นในปีใด
2.Linux ได้รับการพัฒนาโดยใคร
3.Linux system คือ
4.Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ได้ฟรีเนื่องจาก
5.Linux เป็นระบบปฏิบัติการแบบใด
6.ภาพรวมการออกแบบ Linux คล้ายกับ Unix ดั้งเดิมที่เป็นแบบ
7.Linux ใช้ระบบใด
8.Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ประโยชน์หน่วยความจำที่น้อยกว่าเท่าไหร่ได้เป็นอย่างดี
9.Linux system ประกอบด้วยโค้ด 3 ส่วนที่แสดงถึง Unix ดังเดิมคือ
10.โมดูลที่สนับสนุนอยู่ใน Linux มี 3 คอมโพเนนต์คือ
คำตอบ
1.ปี ค.ศ 1991
2.โดยนักเรียนชาวฟินแลนด์ชื่อ Linus Torvalds
3.เป็นพื้นฐานสภาวะแวดล้อมสำหรับแอปพลิเคชันและการเขียนโปรแกรมของผู้ใช้
4.เนื่องจาก linux เป็น Free software ทำให้คุณสามารถก็อปปี้ไปติดตั้งเพื่อใช้งานได้
5.เป็นระบบปฏิบัติการณ์แบบเปิด
6.Nonmicrokernel
7.ระบบมัลติยูเซอร์ มัลติแทสกิ้งที่เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือที่คอมแพติเบิลกับ Unix
8.น้อยกว่า 4 เมกะไบต์
9.-Kernel
-ไลบรารีระบบ
-ยูทิลิตี้ระบบ
10. Module management ,Driver registration,Conflict-resolution mechanism

บทที่ 13 การรักษาความปลอดภัย

บทที่ 13 การรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลไกการป้องกันข้อมูลต่างๆที่จัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ได้รับความเสียหายถูกอ่านหรือแก้ไข โดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต การป้องกันข้อมูลหายจากเหตุสุดวิสัยนั้นกระทำได้ง่ายกว่าการป้องกัน ข้อมูลจากผู้ประสงค์ร้าย ซึ่งผู้ประสงค์ร้ายหรือผู้บุกรุกเข้ามาในระบบนั้นอาจจะเป็น พนักงานในบริษัท นักศึกษา โปรแกรมเมอร์ เป็นต้นวิธีการหนึ่งที่ใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้ระบบคือ การรับรองผู้ใช้ จะเป็นการพิสูจน์ว่าผู้ใช้ระบบในขณะนั้นคือใครซึ่งมีวิธีต่างๆของการรับรองผู้ใช้ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปคือ
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้รหัสผ่าน
-การรับรองผู้ใช้โดยการตอบคำถาม
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้อุปกรณ์
-การรับรองผู้ใช้โดยใช้คุณสมบัติทางชีวภาพของผู้ใช้
การใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกันเป็นเน็ตเวิร์คและมีการส่งข้อความไปในช่องทางของเน็ตเวิร์คนั้น จำเป็นที่จะต้องมีกลไกในการป้องกันข้ลมูลในระหว่างที่ทำการส่งเพื่อให้ปลอดภัยจากการลอบดักฟังข้อมูลหรือขัดขวางการส่งข้อมูล วิธีการที่ใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยก็คือการเข้ารหัสข้อมูล โดยข้อมูลจะถูกการเข้ารหัสเพื่อให้อ่านไม่อ่านไม่ออก และข้อมูลนั้นจะถูกถอดรหัสเพื่อให้อ่านออกก็ต่อเมื่อผู้ใช้ทราบคีย์ข้อมูลของการถอดรหัสข้อมูลนั้น
Windows NT เป็นตัวอย่างหนึ่งของระบบที่มีลักษณะการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพระบบหนึ่งผู้ดูแลรักษาระบบ สามารถจะเปลี่ยนแปลงระดับของการรักษาความปลอดภัยได้


คำถาม
1.การรักษาความปลอดภัยมีความหมายตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า
2.การรักษาความปลอดภัยหมายถึงอะไร
3.การรักษาความปลอดภัยมีความหมายที่สำคัญอยู่ 3 ด้านคืออะไรบ้าง
4.กระบวนการสำคัญของระบบปฏิบัติการในการรักษาความปลอดภัยให้ระบบโดยจะมีหน้าที่ในการพิสูจน์ว่าผู้ที่กำลังใช้ระบบนี้คือใครกระบวนการณ์นี้เรียกว่า
5.ส่วนใหญ่แล้วระบบปฏิบัติการจะทำเพื่อพิสูจน์ผู้ใช้ใน 3 เรื่องคือ
6.แฮกเกอร์คือ
7.การรับรองผู้ใช้ระบบที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปอย่างกว้างขว้างคือ
8.ปัญหาหนึ่งของการใช้รหัสผ่านคือ
9.วิธีของการสร้างรหัสผ่านคือ
10.บัตรพลาสติคที่ใช้เก็บข้อมูลจะมีอยู่ 2 แบบคือ
11.บัตรที่ใช้ชิปจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
12.ปัจจุบันนี้การรักษาความปลอดภัยจะเน้นไปที่การใช้บัตรใด
13.ม้าโทรจันคือ
14.หนอนคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยโปรแกรม 2 ส่วนคือ
15.ประเภทของไวรัสจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆได้ดังนี้คือ


คำตอบ
1.Security
2.การอ้างถึงปัญหาทั้งหมด
3.-การสร้างความเสียหาย
-ลักษณะของผู้ประสงค์ร้าย
-ข้อมูลสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย
4.การรับรองผู้ใช้
5.-บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใช้ระบบทราบ
-บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใช้มี เช่น กุญแจ บัตรผ่าน
-บางสิ่งบางอย่างที่เป็นคุณสมบัติของผู้ใช้ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา
6.ใครก็ตามที่สร้างความเสียหายให้กับระบบบุคคลสามารถที่จะผ่านเข้าสู่ขั้นตอนของการรับรองผู้ใช้
7.การที่ให้ผู้ใช้ใส่ชื่อและรหัสผ่าน
8.การเก็บรักษารหัสผ่านให้เป็นความลับ
9.ใช้อัลกอริทึมสร้างรหัสผ่าน
10.บัตรแบบแม่เหล็กกับบัตรชิปการ์ด
11.บัตรบันทึกมูลค่าและบัตรอัจฉริยะ
12.บัตรอัจฉริยะ
13.จะเป็นลักษณะของโปรแกรมที่มีฟังค์ชั่นของการทำงานบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดคิด
14.โปรแกรมส่วนเกาะติดและโปรแกรมหลัก
15.-Parasitic virus
-Memory-resident virus
-Boot sector virus
-Stealth virus
-Polymorphic virus


วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การปรับแต่ง Registry

โชว์ Background แบบเต็มๆด้วยการซ่อน Desktopเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDesktop ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Background Setting เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispBackgroundPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Appearance Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispAppearancePage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Display Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispSettingsPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Screensaver Settingเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispScrSavPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อน Device Managerเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDevMgrPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนไอคอน Network Neighbourhoodเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoNetHood ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
กันไว้ไม่ให้ใครมาเพิ่ม Printerเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoAddPrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อน My Pictures ตรง Start Menuเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoSMMyPictures ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ลบลูกศรที่ Shortcutเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CLASSES_ROOT\lnkfile] คลิก Name ที่ชื่อว่า IsShortcut แล้วกดปุ่ม Delete เพื่อลบออกไป หรือ Double Click แล้วใส่ค่าเป็น No
แสดงไฟล์ Operating System ที่ซ่อนอยู่เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า ShowSuperHidden ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
วิธีการเพิ่มความเร็วให้กับ Start Menuเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop] ต่อจากนั้นคลิกขวาที่ Folder ชื่อ Desktop นี้แล้วเลือก New >> String Value และให้เปลี่ยนชื่อเป็น MenuShowDelay เรียบร้อยแล้ว คลิกขวาแล้วเลือก Modify ที่ช่อง Value Data ให้คุณใส่เลข 1 ลงไป จากนั้นกด OK เรียบร้อยแล้ว Restart เครื่องใหม่
วิธีการสร้าง Control Panel ขึ้นมาเป็นของตัวเองเปิดหน้าต่าง Control Panel ปกติขึ้นมาค้างไว้ก่อน สร้าง Folder ขึ้นมาใหม่ โดยให้ไปที่ File >> New >> Folder และให้คลิกที่ Folder ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ให้เปิดออกมา พร้อมกับเอาเจ้าหน้าต่าง Control Panel จริงๆที่เปิดเอาไว้มาวางใกล้ๆ จากนั้นให้ลากเครื่องมือที่ต้องการจากใน Control Panel จริงๆนั้นมาใส่และตอบ Yes ได้เลย ซึ่งตรงนี้อยากได้เครื่องมืออะไรก็สามารถลากเข้ามาได้เลย ซึ่งเครื่องมือต่างๆที่ได้ลากเข้ามานี้ จะมีข้อความนำหน้าชื่อว่า Shortcut to ซึ่งสามารถเปลี่ยนมันเป็นชื่ออะไรก็ได้
วิธีการทำ Start Menu ให้มี List ในแนวนอนเรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> String Value แล้วตั้งชื่อว่า StartMenuScrollPrograms ให้ Double Click ขึ้นมาแล้วใส่ค่า Value Data เป็น False หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก
ปรับขนาดซิสเต็มรีสโตร์สามารถแก้ไขได้โดยเปิด Regedit และไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\StateMgr\Cfg\ReservedDiskSpace] และที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\StateMgr\ReservedDiskSpace] จากนั้นเปลี่ยนค่า Max และ Min เป็นค่าที่ต้องการโดยใช้ชนิดของข้อมูลแบบ DWORD
ปรับค่าคอนฟิคในการต่อเน็ตให้ดีที่สุดถ้าจะปรับแต่งค่าการรับข้อมูลของ RcvWindow และ DefaultTTL ให้ดีที่สุด ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\VxD\MSTCP] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า DefaultRcvWindow ชนิด String Value เป็น 4288 และลองหาหรือเพิ่มค่า DefaultTTL ชนิด String Value เป็น 128 จากนั้น Save แล้วออกจากโปรแกรมแล้ว Restart ใหม่
ปรับค่าเดียลอัพให้ดีที่สุดถ้าจะปรับแต่งค่าการรับข้อมูลของ Dialup ให้ดีที่สุด เพราะค่าของวินโดวส์ที่กำหดให้มานั้นไม่เหมาะสม ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\Class\NetTrans] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า MaxMTU ชนิด String Value เป็น 576 และลองหาหรือเพิ่มค่า MaxMSS ชนิด String Value เป็น 536 จากนั้น Save แล้วออกจากโปรแกรมแล้ว Restart ใหม่
ปรับแต่งรีจีสเตอร์ให้ใช้บล็อคไฟล์ที่มีขนาดดีที่สุดถ้าจะปรับแต่งค่าของขนาดของไฟล์ในแต่ละบล็อคที่ดีที่สุด เพราะค่าของวินโดวส์ที่กำหดให้มานั้นไม่เหมาะสม ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\FileSystem] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า ContigFileAllocSize ชนิด DWORD Value เป็น 512 สำหรับค่าแบบ Decimal หรือเป็น 200 สำหรับค่าแบบ Hex
เพิ่มแคชในการรีเฟรชหน้าจอเปิด Regedit [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer] ใส่ค่าสตริงใหม่ลงที่หน้าต่างด้านซ้าย โดยเลือก Edit >> New >> String Value หรือแก้ไขค่า Max Cached Icons กำหนดค่าเป็น 819
ลบค่าเก่าในคำสั่ง Find ทิ้ง เราสามารถลบค่าเก่าใน Find ได้โดยการเปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\Explorer Bars\{C4EE31F3-4768-11D2-BE5C-00A0C9A83DA1}\FilesNamedMRU] ในหน้าต่างด้านขวา ให้ลบค่าที่ไม่ต้องการออก
ลบค่าเก่าๆในคำสั่ง Run ทิ้ง เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\RunMRU] ที่หน้าต่างด้านขวา ลบค่าที่ไม่ต้องการออก
ลบค่าใน Address Bar เฉพาะค่าที่ต้องการไม่ลบทั้งหมด ต้องการลบโดยปราศจากการเคลียร์ History ทั้งหมด เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\TypedURLs] และลบค่าที่ไม่ต้องการออก
เอา Task Scheduler ออกTask Scheduler ถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติในบางเวอร์ชั่นของวินโดว์ส และยังมีเมื่อติดตั้งอินเตอร์เน็ตเอ็กพลอเรอร์ สามารถที่จะลบมันออกจากระบบดังนี้เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\RunServices] ที่ค่า SchedulingAgent กำหนดเป็น mstask.exe เพียงลบค่าดังกล่าวออกไปเท่านั้น
เมื่อ Windows Update ไม่สำเร็จควรทำอย่าไร วินโดวส์ ME อาจจะมีปัญหาขณะใช้ Windows Update เครื่องอาจจะค้างขณะดาว์นโหลดหรือติดตั้งมัน และบังคับให้รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ทราบว่าอัพเดทเรียบร้อยดีหรือยัง แต่ไม่เป็นไร ใน Windows Update ได้สร้างค่าชุดของคอนฟิคไฟล์เรียกว่า OEMx.INF สร้างขึ้นโดยอินเตอร์เน็ตเอ็กพลอเรอร์โดยบันทึกเซกชั่นต่างๆไว้ ให้ลบไฟล์ OEMx.INF ต่างๆนี้ทิ้งไป โดยไปที่ Start >> Find Files or Folders แล้วพิมพ์ OEM*.INF ช่องชื่อไฟล์ในไดเรกทอรี่ \Windows\Inf เมื่อค้นหาหมดแล้ว ขยายหน้าต่างให้เต็มจอ หาไฟล์ INF ที่มีขนาด 0 ไบต์ แล้วลบออกให้หมด
เพิ่มความเร็วของ Register มื่อใช้วินโดวส์ไปแล้วรู้สึกช้าจากรีจีสตรี้ ให้ลองปรับแต่งรีจีสตรี้ด้วยตัวเอง โดยเปิดดอสพร้อมขึ้นมา แล้วพิมพ์ SCANREG /OPT จากนั้นนั่งรอวินโดวส์จะแพ็คข้อมูลให้
ปรับแต่ง Cache สำหรับ Floppy Disk ไปที่ System Properties และคลิกแถบ Performance และคลิก File System คลิกแถบ Removable Disk และเลือกค่า Enable write-behind caching on all removable disk drives
เพิ่มประสิทธิภาพ Hard Disk วินโดว์ 98 จะเห็นฮาร์ดดิสก์บนช่อง IDE อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของดิสก์ โดยไปที่ System Properties จากนั้นเลือกแถบ Device Manager แล้วเปิดส่วน Hard Disk Controller จะเห็นดีไวซ์คอนโทรลเลอร์อุปกรณ์ที่ด้านบนของรายการ (ที่เขียนว่า BUS MASTER Controller) จากนั้นเลือกปุ่ม Properties และเลือกแถบ Settings จากนั้นเลือก Both IDE Channels Enabled
ให้วินโดวส์ปิดงานที่ไม่มีการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ถ้าต้องการให้ปิดงานที่ไม่มีการตอบสนองโดยอัตโนมัติ สามารถทำได้ดังนี้ โดยเปิด Regedit แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop\AutoEndTasks] ให้แก้ไขค่าเป็น 1 แล้วแก้ค่า WaitToKillAppTimeout เป็นจำนวนวินาทีที่คุณต้องการ เช่นเปลี่ยนเป็น 10
ให้วินโดวส์ใช้แรมให้หมดก่อนจึงค่อยใช้ Virtual Memory มา Swap Fileไปที่ Start >> Run พิมพ์ system.ini หาบรรทัดที่มีหัวข้อว่า [386Enh] แล้วพิมพ์คำว่า ConservativeSwapfileUsage=1 ต่อท้ายบรรทัดล่างสุด วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีแรมมากกว่า 128 ขึ้นไป เพราะมันจะเอาพื้นที่ของ Ram ไปทำ Cache วิธีนี้ทำให้ Com เร็วขึ้น 40% เลยทีเดียว
วิธีเก็บไฟล์ Windows Update ไว้ในเครื่อง แบบที่อัพเดทอัตโนมัติมาลงเครื่อง พอครบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีกรอบมาให้ Install อย่าเพิ่ง Install ให้ไป Copy มาก่อน โดยจะซ่อนอยู่ใน Program Files ให้โชว์ All Files และก็อปโฟลเดอร์ชื่อ WindowsUpdate มาไว้ก่อน แล้วค่อย Install เพราะเมื่อ Install แล้ว วินโดว์จะลบโฟลเดอร์นี้ออกไปแบบอัตโนมัติ ไฟล์ Update นี้สามารถเอาไปลงเครื่องอื่นได้ด้วย
เคลียร์การจำการใช้งานใน Document ใน Start Menu เราสามารถเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าเราใช้งานอะไรบ้าง ทำได้โดยเปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] ที่หน้าต่างด้านขวา ให้หาหรือเพิ่มค่าชนิด DWORD Value แล้วใส่ชื่อเป็น ClearRecentDocsOnExit ดับเบิลคลิก ใส่ค่าเป็น 1
เคลียร์ Bios ด้วยการ DebugStart >> Program >> Accesories >> MS-DOS Promptพอหน้าจอขึ้น C:\ ให้พิมพ์คำว่าDebug (Then the cursor change to - )- o 70 2e (โอ วรรค เจ็ดศูนย์ วรรค สองอี)- o 71 ff (โอ วรรค เจ็ดหนึ่ง วรรค เอฟเอฟ)- q (คิว)
การถอดรหัส Logon บนวินโดวส์ เข้าไปที่ C:\Windows แล้วหาไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .pwl ถ้าต้องการที่จะทำลายรหัสทิ้งไปเลย ก็ให้ลบไฟล์นี้ทิ้งไปได้เลย แต่ถ้าต้องการจะเปลี่ยนรหัสแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ก็ให้เปลี่ยนนามสกุลของไฟล์จาก .pwl เป็นชื่ออื่นๆอะไรก็ได้ แล้วเมื่อ Logon มาอีกที มันก็จะให้กรอกรหัสใหม่

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ระบบปฏิบัติการ 1 Dos

ระบบปฏิบัติการ DOS
ระบบปฏิบัติการ (operating system) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของระบบซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการประกอบขึ้นจากชุดโปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินการต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ และประสานการทำงานระหว่างทรัพยากรต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนที่เป็นซอฟต์แวร์และส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์ให้เป็นไปย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ระบบคอมพิวเตอร์ในระดับไมโครคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปใช้ระบบปฏิบัติการที่จัดเก็บอยู่บนแผ่นบันทึกหรือฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ เอ็มเอสดอส (Microsort Disk Operating System : MS-DOS) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์คอร์ปอเรชัน ระบบปฏิบัติการนี้ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของผู้ใช้และพัฒนาการทางด้านซอฟต์แวร์และฮารด์แวร์
การเริ่มต้นทำงานของระบบปฏิบัติการดอส
การเริ่มต้นทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติจากส่วนของชุดคำสั่งที่จัดเก็บอยู่ บนหน่วยความจำของระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้อ่านได้อย่างเดียวที่เรียกว่ารอม (Read Only Memory : ROM) คำสั่งเหล่านี้จะทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์พื้นฐานและทำการบรรจุระบบปฏิบัติการจากแผ่นบันทึกหรือฮาร์ดดิสก์ ขึ้นสู่หน่วยความจำหลัก หลังจากนี้การควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จะถูกบรรจ ุไปอยู่บนหน่วยความจำหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรแกรมหนึ่งในระบบปฏิบัติการดอสที่ถูกบรรจุคือ โปรแกรมคำสั่งที่มีชื่อว่า command.com และกระบวนการเริ่มต้นการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้เรียกกันทั่วไปว่า การบูทเครื่อง (boot) คอมพิวเตอร์
การบูทเครื่องคอมพิวเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีคือ
1. Cold Boot คือการเปิดเครื่องด้วยสวิตช์ปิดเปิดเครื่อง (power)
2. Worm Boot คือ จะใช้วิธีนี้ในขณะที่เครื่องเปิดอยู่ ในกรณีที่เครื่องค้าง (Hank) เครื่องไม่ทำงานตามที่เราป้อนคำสั่งเข้าไป การบูทเครื่องแบบนี้สามารถกระทำได้อยู่ 2 วิธีคือ
1. กดปุ่ม Reset
2. กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del พร้อมกัน แล้วปล่อยมือ

ภาพแสดงหน้าจอการบูทเครื่องด้วยระบบปฏิบัติการดอส



ชนิดคำสั่ง DOS
คำสั่งของ DOS มีอยู่ 2 ชนิดคือ
1. คำสั่งภายใน (Internal Command) เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหน่วยความจำหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS, DIR, COPY, REN เป็นต้น
2. คำสั่งภายนอก (External Command) คำสั่งนี้จะถูกเก็บไว้ในดิสก์หรือแผ่น DOS คำสั่งเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งเหล่านี้คอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู๋หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เป็นต้น
รูปแบบและการใช้คำสั่งต่าง ๆ
ในการใช้คำสั่งต่าง ๆ ของ DOS จะมีการกำหนดอักษรหรือสัญญลักษณ์ ใช้แทนข้อความของรูปแบบคำสั่ง ดังนี้
[d:]
หมายถึง
Drive เช่น A:, B:
[path]
หมายถึง
ชื่อไดเรคเตอรี่ย่อย
[filename]
หมายถึง
ชื่อแฟ้มข้อมูล หรือ ชื่อไฟล์
[.ext]
หมายถึง
ส่วนขยาย หรือนามสกุล
หมายเหตุ ข้อความที่อยู่ในวงเล็บ ([ ] ) ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ในคำสั่ง
รูปแบบและการใช้คำสั่งภายใน (Internal Command)
คำสั่ง
หน้าที่
รูปแบบ
CLS (CLEAR SCREEN)
ลบข้อมูลบนจอภาพขณะนั้น
CLS
DATE
แก้ไข/ดูวันที่ให้กับ SYSTEM
DATE
TIME
แก้ไข/ดูเวลา ให้กับ SYSTEM
TIME
VER (VERSION)
ดูหมายเลข (version) ของดอส
VER
VOL (VOLUME)
แสดงชื่อของ DISKETTE
VOL [d:]
DIR (DIRECTORY)
ดูชื่อแฟ้มข้อมูล, เนื้อที่บนแผ่นดิสก์, ชื่อแผ่นดิกส์
DIR [d:] [path] [filename [.ext]] [/p] [/w]
/p หมายถึง แสดงชื่อแฟ้มข้อมูลทีละ 1 หน้าจอภาพ ถ้าต้องการดูหน้าต่อไปให้กดแป้นใด ๆ
/w หมายถึง แสดงชื่อแฟ้มข้อมูลตามความกว้างของจอภาพ

TYPE
แสดงเนื้อหาหรือข้อมูลในแฟ้มข้อมูลที่กำหนด
TYPE [d:] [path] [filename.[.ext]]
COPY
ใช้คัดลอกแฟ้มข้อมูลหนึ่ง หรือหลายแฟ้มข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลต้นทาง ไปยังแฟ้มข้อมูลปลายทาง อาจจะเป็นจากแผ่นดิสก์แผ่นหนึ่งหรือแผ่นดิสก์เดิมก็ได้
COPY [d:] [path] [filename[.ext]] [d:] [path] filename[.ext]]
REN (RENAME]
เปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล (ข้อมูลข้างในแแฟ้มข้อมูลยังเหมือนเดิม)
REN [d:] [path] [oldfilename[.ext]] [newfilename[.ext]]
DEL (DELETE)
ลบแฟ้มข้อมูลออกจากแฟ่นดิสก์
DEL [d:] [path] [filename[.ext]]
PROMPT COMMAND
เปลี่ยนรูปแบบตัวพร้อมรับคำสั่ง (system prompt) เป็นตัวใหม่ตามที่ต้องการ
PROMPT [prompt-text] or propt $p$
$ หมายถึงตัวอักษร
t หมายถึง เวลา
d หมายถึง วัน เดือน ปี
p หมายถึง เส้นทาง Directory ปัจจุบัน
v หมายถึง DOS VERSION NUMBER
g หมายถึง เครื่องหมาย >
l หมายถึง เครื่องหมาย <>

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2551

"Hex,Binary and ASCII"

SIRINTRA KHOMPOAW

S -53 =01010011
I -49 =01001001
R -52 =01010010
I -49 =01001001
N -4E =01001110
T -54 =01010100
R -52 =01010010
A -41 =01000001

K -4B =01001000
H -48 =01001000
O -4F =01001111
M -4D =01001101
P -50 =01010000
O -4F =01001111
A -41 =01000001
W -57 =01010111